ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่ป่วยโรคความดันโลหิตสูง คลินิกโรคความดันโลหิตสูง งานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลชัยภูมิ
กาญจนา เปสี, สุรีย์พร ศิริพันธุ์
วัตถุประสงค์
- เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง คลินิกโรคความดันโลหิตสูง งานผู้ป่วยนอก ร.พ.ชัยภูมิ
วิธีการศึกษา
- วิจัยเชิงบรรยายเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโดยใช้กรอบแนวคิดความเชื่อด้านสุขภาพของ Marshall H. Recker (1974) และพฤติกรรมของ
ผลการศึกษา
- พบว่าผู้ป่วยเป็นเพศหญิงร้อยละ 71.30 ชายอายุเฉลี่ย 61.40 ปี สถานภาพการสมรสคู่ ร้อยละ 76.60 ระดับการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 80.30 อาชีพเกษตรกรรมร้อยละ 83.5 มีรายได้ 500-1000 บาท ร้อยละ 33.80 ระยะเวลาที่เป็นโรคมากกว่า 10 ปี ร้อยละ 25.8สามารถควบคุมโรคได้ร้อยละ 65.4 ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้อยละ 69.70 มีความเชื่อด้านสุขภาพโดยรวม X193.16 SD21.44 และมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001
วิจารณ์และสรุป
- ผู้ป่วยที่มีคะแนนความเชื่อด้านสุขภาพจะมีการดูแลตนเองดี ดังนั้น พยาบาลในฐานะบุคลากรด้านสุขภาพจึงควรส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความเชื่อด้านสุขภาพที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีแนวทางการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นและส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
จากผลงานวิชาการนำเสนอ ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2549
วันที่ 4-6 กันยายน 2549 ณ โรมแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร
No comments:
Post a Comment