Thursday, January 18, 2007

การประดิษฐ์โครงยึดท่อช่วยหายใจและหมอนล็อคศีรษะเพื่อลดการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ

เต็มฤทัย เมฆสุวรรณและคณะ
หน่วยงาน กุมารเวชกรรม

ปัญหาการเลื่อนห ลุดของท่อช่วยหายใจ เป็นปัญหาความเสี่ยงสำคัญต่อชีวิตและสุขภาพของทารกแรกเกิด ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นผลให้มีความพิการทางสมองของทารกแรกเกิด ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นผลให้มีความพิการทางสมองในระยะยาว ทีมกุมารเวช 2 รพ.กำแพงเพชร ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงเก็บข้อมูลการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจต่อ 1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วย พบว่าเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2546 มีอัตราการเลื่อนหลุดของเครื่องช่วยหายใจที่ 228.5 ต่อ 1,000 วัน ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ นับเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดพัฒนาคุณภาพในการดูแลผู้ป่วยข องหน่วยงาน

วัตถุประสงค์
1. เพื่อลดอัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ
2. ส่งเสริมให้เกิดการคิดค้นและประดิษฐ์นวัตกรรมขึ้นในหน่วยงาน

วิธีการศึกษา
- เป็นการศึกษาวิจัยเชิงพรรณนาที่เกิดจากการค้นพบปัญหาการเลื่อนหลุดของท่อช่ว ยหายใจในหน่วยงานกุมารเวช 2 จึงประดิษฐ์โครงยึดท่อช่วยหายใจโดยใช้ลวดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 ม.ม. ตัดโค้งเป็นรูปตัว U หุ้มปลายด้วยสำลีและกอซ ยึดตรงข้ามแก้มทั้งสองข้างของผู้ป่วยกับท่อช่วยหายใจด้วยพลาสเตอร์เหนียว ตรวจสอบบริเวณโครงยึดท่อช่วยหายใจทุก 2 ชั่วโมง จัดให้ทารกนอนใน Nest มีหมอนล็อคศรีษะเพื่อให้ทารกเกิดความอบอุ่นและไม่พลิกศีรษะไปมา บันทึกรายงานการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจในผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจทุกรา ยเพื่อนำมาวิเคราะห์ประเมินผลปรับปรุงแก้ไข

ผลการศึกษา
- เดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2546 ก่อนเริ่มโครงการ มีอัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ 228.5 ต่อ 1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังทดลองใช้โครงยึดท่อช่วยหายใจพบว่า เดือนเมษายน 2546 ลดเหลือ 120 ต่อ 1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ หมอนล็อคศรีษะและจัดให้ทารกนอนใน Nest ทำให้ทารกเกิดความสุขสบาย ท่อช่วยหายใจอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสะดวกต่อการจัดท่านอนจึงสามารถลดอัตราเ ลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณ ภาพการดูแลผู้ป่วยของหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง


จาก บทคัดย่อผลงานวิชาการนำเสนอ
ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี ๒๕๔๙
วันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๔๙ ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร

No comments: